วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สมุนไพรกับไก่ชน

ยาถ่ายไก่ ยาถ่ายโบราณคนนิยมใช้กันมากมีส่วนผสมดังนี้
    1. เกลือประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
    2. มะขามเปียก 1 หยิบมือ
    3. ไพลประมาณ 5 แว่น
    4. บอระเพ็ดยาวประมาณ 2 นิ้ว หั่นเป็นแว่นบาง ๆ
    5. น้ำตาลปีบประมาณ 1 ช้อนคาว
    6. ใบจากเผาไฟเอาถ่าน (ใช้ใบจากประมาณ 1 กำวงแหวน) ใช้ครกตำให้ละเอียดเข้า ด้วยกัน เวลาใช้ยาควรให้ไก่กินเวลาเช้าท้องว่าง ปั้นเป็นลูกกลอนขนาดหัวแม่มือ 2 เม็ด ให้น้ำกินมาก ๆ หน่อย แล้วครอบผึ่งแดดไว้รอจนกว่ายาจะออกฤทธิ์ ถ่ายเป็นน้ำ 3 ครั้ง ก็พอแล้วเอาข้าวให้กินเพื่อให้ยาหยุดเดิน
    น้ำสำหรับอาบไก่ ปกติไก่เลี้ยงจะต้องอาบน้ำยาจนกว่าไก่จะชน เครื่องยาที่ใส่น้ำต้มมีดังนี้
    1. ไพลประมาณ 5 แว่น
    2. ใบส้มป่อยประมาณ 1 กำมือ
    3. ใบตะไคร้ ต้นตะไคร้ 3 ต้น
    4. ใบมะกรูด 5 ใบ
    5. ใบมะนาว 5 ใบ เอา 5 อย่างมารวมกันใส่หม้อต้มให้เดือดแล้วทิ้งไว้ให้อุ่น พออุ่น ๆ แล้วค่อยอาบน้ำไก่ แล้ว นำไปผึ่งแดดให้ขนแห้ง

ไก่ชนเมืองพิษณุโลก

    โดยทั่วไป "การเลี้ยงไก่ชน" และ "การชนไก่" เป็นของคู่กัน ของชนบท ไทยทั่วไป ดังคำพังเพยที่ว่า "เสร็จจากการทำนา ก็กัดปลาชนไก่" และการทำนากับการชนไก่ ก็เป็นของคู่กันอีก ในสมัยก่อน การนวดข้าวต้องใช้แรงจากคนตีข่าวให้ร่วง ต้องมีลานตากข้าว และต้องไปนอนเฝ้า การเลี้ยงไก่ควบคู่กันไป เพราะว่ามีข้าวเปลือกมาก เป็นอาหารไก่ ไก่ก็อุดมสมบูรณ์ในฤดูหนาวที่เก็บเกี่ยวข้าวกัน จะตรงกับฤดูผสมพันธุ์ไก่ เลี้ยงลูกไก่ หรือแม้แต่การเลี้ยงไก่ชนกัน ซึ่งจุดนี้ทำให้การชนไก่สืบสานต่อมาจนถึงปัจจุบัน
    การเลี้ยงไก่ชนเมืองพิษณุโลก พอจะแยกกล่าวได้ 4 ระยะ คือ
    1. ยุคประวัติศาสตร์ (2523 - 2533)
    2. ยุคไก่ชนพระนเรศวรรุ่งเรือง (2534 - 2544)
    3. ยุครวมพลังสร้างชื่อไก่ชนพระนเรศวร (2545 - 2555)
    4. ยุควิทยาศาสตร์ไก่ชนพระนเรศวร (2556 ++)
    1. ยุคประวัติศาสตร์
    เมืองพิษณุโลก ก็เหมือนเมืองอื่นๆ โดยทั่วไปที่ชนบทมีการเลี้ยงไก่ไทย "ไก่ไทย" คำๆ นี้ต้องวิเคราะห์กันให้ดีเหมือน "คนไทย" คือ คนไทยเกิดมาแล้ว โตขึ้นต้องใช้อาวุธมวยไทยเป็นทุกคนแต่กำเนิด โดยไม่ต้องสอน คือ เตะ ถีบเป็น ใส่ศอกเป็น ไก่ไทยก็เช่นกัน เมื่อมีการเลี้ยงไก่ตามชนบท ถ้าเจ้าของเป็นนักเลงชนไก่ ก็จะเอาไก่ตัวผู้มาซ้อมคัดเลือกตัวเก่งไว้ชน ถ้าเจ้าของไม่ใช่นักเลงชนไก่ก็จะเลี้ยงไก่ไว้ต้มแกงเป็นอาหาร และขาย ดังนั้น ไก่ไทยจึงมีวิญญาณในการชนเป็นด้วย เชื่อกันว่า ไก่ชนไทยได้เลี้ยงกันมาไม่ต่ำกว่า 700 ปี ไก่ไทยจึงเป็นภูมิปัญญาไทย เลี้ยงและคัดเลือกสายพันธุ์มาโดยตลอด เพื่อสรรหาไก่เก่งไว้ชนกัน จนกระทั่งได้พันธุ์เก่งที่ในประวัติศาสตร์ชาติไทยมากว่า 400 ปีแล้ว สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้นำไปชนถึงขนาดท้าชนเอาบ้านเอาเมืองเป็นเดิมพัน คือไก่ชนเหลืองหางขาวที่ชนชนะไก่ชนของพระมหาอุปราชาที่ประเทศพม่ามาแล้ว ผู้เขียนได้ศึกษาค้นคว้าเรื่องไก่ชนพระนเรศวรจากประวัติศาสตร์มาก่อนหน้านี้ ตั้งแต่เริ่มรับราชการที่จังหวัดพิษณุโลกครั้งแรกปี 2514 สรุปรวมความว่า "ไก่เหลืองหางขาวกินเหล้าเชื่อ" "ไก่เหลืองหางขาวไก่เจ้าเลี้ยง" เป็นไก่ที่สืบสายเลือดมาจากไก่ที่สมเด็จพระนเรศวรนำไปชนชนะไก่พม่าในวันนั้นและไก่ชนสมัยนั้น ได้สืบสายเลือดเหลืองหางขาวมาจนกระทั่งทุกวันนี้

เทคนิคแก้ไก่หอบขณะพักยก

   ไก่หอบมาก หรือ ไม่มากบางครั้งก็มาจากสรีระ ของไก่ตัวนั้นๆ อย่างเช่น ไก่ตัวเล็ก โครงสร้างเล็ก ส่วนใหญ่ขนาดของปอดก็จะเล็กไปด้วย แต่การออกกำลัง  ให้กินอาหารเสริมในช่วงไก่รุ่นอาจจะพอเพิ่มขนาดโครงสร้างและปอดได้  แต่กรณีนี้มันจะไปฝืนธรรมชาติมากไม่ได้

        แต่ถ้าสาเหตุไก่หอบ เกิดมาจาก ไก่เลี้ยงไม่ถึงแดด ไก่ป่วยที่เกิดจากระบบหายใจ หรือ อากาศ ณ ตอนที่ชน มันร้อนจัด แล้วมันยังพอมีวิธีบรรเทาอาการหอบลงได้ครับ
วิธีแก้มีอย่างนี้ครับ

          1. เมื่อพักยก นำไก่ออกมาแล้ว อย่าให้คนเข้ามามุงกันมาก

           2. ยกปีกไก่กางออก ใช้พัด พ้ดเบาๆ ซัก 3-4 นาที แล้วค่อยลูบด้วยผ้าชุบน้ำ ตามตัวไก่ จะดีขึ้นอีกถ้าได้มีถาดใส่น้ำมารองเท้าไก่ด้วย

           3. ให้ไก่พักเต็มที่ แล้วก่อนนำไก่เข้าสัก 10 นาที ให้นำน้ำแข็งก้อนเล็กๆ ป้อนครับ ผมเข้าใจว่าเคล็ดนี้ใช้เพื่อ ลดอุณหภูมิในตัวไก่ เมื่อตัวไก่ไม่ร้อนมาก ไก่ก็จะหอบน้อยลงครับ

           4. อีกอย่างที่จะเสริมครับ ลองให้ไก่กินน้ำตำลึง ดูด้วยครับ มันช่วยลดหอบได้ครับ สมุนไพรดีๆ ของพื้นๆบ้าน ไม่มีภัยกับไก่ด้วยครับ 

ไก่พม่าควรออกชนช่วงไหนถึงจะเหมาะ

  •     ไก่พม่าที่จะคัดนำมาเลี้ยงชนต้อง เป็นไก่เก่งเท่านั้น คือ คัดไก่ที่ตีถูก ตีแม่น ก่อนเป็นอันดับแรก เรื่องลีลาและความแข็งแกร่งค่อยว่ากันทีหลัง
  •     การเลี้ยงไก่พม่าไม่ต้องหนักขมิ้นและกระเบื้อง เพราะไก่พม่าต้องการความคล่องตัวสูง ถ้าตัวตึงจะไม่ค่อยตีไก่ ไก่พม่าที่ตัวเก่งๆไม่จำเป็นต้องซ้อมหนัก ซ้อมเยอะมากเกินไป ดูแค่ว่าแข็งแรง บินดี ฟอร์มกำลังสดก็นำไปชนได้
  •     ยกตัวอย่าง ถ้ามีไก่พม่าอยู่ตัวหนึ่งเก่งมาก นำมาเลี้ยงเพื่อออกชน ปล้ำครั้งแรกก็น๊อคคู่ต่อสู้แต่อาจจะแรงไม่ค่อยดี นำกลับมาเลี้ยงใหม่ ปล้ำครั้งที่ 2 ก็ยังฟอร์มดีอยู่ ปล้ำครั้งที่ 3 ครั้งนี้ก็เป็นที่ประทับใจ ครั้งที่ 1-3 อาจจะปล้ำครั้งละอันหรืออาจจะน๊อคคู่ต่อสู้ก่อน ปล้ำครั้งที่ 4 พยายามเดินยาวให้ได้ 2 อัน ถ้าตัวแรกถูกน๊อคก็ควรหาตัวใหม่มาซ้อม ครั้งนี้สำคัญมากต้องดูให้ละเอียดถ้าฟอร์มสด บินดี แข็งแรงดุดัน กลับมาเดินนวมอีกซัก 2 อันก็ออกชนได้ ถ้าเป็นไก่พม่าตัวเก่งจริงๆ ปล้ำแค่ 5-6 อันก็ออกชนได้ แต่ต้องมีส่วนประกอบอย่างอื่นด้วย เช่น การออกกำลัง ลงนวม เตะเป้า วิ่งสุ่ม สิ่งเหล่านี้จะขาดไม่ได้
  •     ส่วนเรื่องที่สำคัญอีกอย่างที่ไม่ควรมองข้าม คือ ไก่พม่าที่จะออกชน ถ้าจะให้ดีควรมีอายุไม่ต่ำกว่า 10 เดือน ถ้าช่วงอายุ 12-15 เดือน จะเหมาะที่สุด เรื่องความสดและกระดูกก็กำลังดี 8-9 เดือนอันนี้อ่อนเกินไปจะแพ้เขาได้ง่ายๆ
  •     สรุปก็คือ เลี้ยงไก่พม่าไม่ควรหนักขมิ้นและกระเบื้อง เลี้ยงน้ำเย็นจะดีที่สุด เน้นการเตะเป้าลงนวมเป็นดีที่สุด

ไก่พม่ามีดีอะไร


รูปร่างและ ขนาดไก่พม่า ไก่พม่าลูก 100 % มีขนาดเล็ก น้ำหนักประมาณ 2.00 - 2.50 ด้วยเหตูนี้เองจึงนิยมเล่นลูกผสมไทยบ้าง ผสมเวียดนามบ้าง หรือบางคนก็เล่นสามสายเลือดไปเลย ไก่พม่ามีลักษณะโดยทั่วไปที่สังเกตได้ คือ

    - มีขนาดเล็ก กระดูกบาง
    - หน้าเล็กแหลม ปากเป็นแนวเส้นตรง ปลายงุ้มเล็กน้อย
    - หงอนมักเป็นหงอนแจ้แบบหงอนงู หรือหงอนชี้ฟ้า หรือหงอนนาคราช
    - ตาโปน
    - สนับปีกหนาและยาว
    - แข้งเล็กและมักแข้งอิ่ม บ่งบอกว่าเป็นไก่ตีไว ตีแม่น
    - เดือยส่ง
    - ตุ้มหูมักขาว (คิดว่าคงสืบเชื้อสายมาจากไก่ป่า)

ชั้นเชิงลีลาแม่ไม้ไก่พม่า ไก่พม่าเป็นไก่ที่มีลีลาชั้นเชิงชั้นยอด คือ ไม่ยอมปะทะกับคู่ต่อสู้ตรงๆ เพราะไก่พม่ามีขนาดเล็ก จึงเป็นไก่คอยฉวยโอกาส หรือไก่จังหวะสอง ชั้นเชิงไก่พม่าเป็นแบบ "สนลู่ลม" หรือต้นอ้อ ชั้นเชิงไก่พม่าที่เด่นๆ และนักเลงไก่ชอบมีดังนี้

    - เชิงถอยดีดแข้งเปล่ารับโดยไม่ใช้ปากจิกคู่ต่อสู้
    - เชิงเปลี่ยนหน้าตี คือ พอถูกกอดจะโยกหน้าหลบเข้าอีกข้าง
    - เชิงชักลิ่มตี เมื่อถูกกอดขี่ทับจะเป็นไก่คออ่อนไม่ฝืนสู้คอ ถอดหัวออกตี
    - เชิงลักตีขโมยตี เข้ามุดหัวติดดิน เผลอขึ้นมาตีแล้วลงไปซุกต่อ
    - เชิงม้าล่อ เมื่อถูกกอดขี่จะออกวิ่งให้คู่ต่อสู้วิ่งไล่ตาม พอได้จังหวะจะหันมาดีดแข้งใส่ หรือเมื่อเห็นคู่ต่อสู้เหนื่อยก็จะหันกลับมาตี